FUNERAL DISTANCING
อัปเดตเมื่อ 2 ธ.ค. 2564
โดย น้องปลาทาโร่
#คิดอย่างเจอนัล นักหัดเขียน ss.2
“ผู้ไร้เสียงในสถานการณ์ COVID”
“ตาเสียชีวิต ในวันเดียวกับที่ภรรยาของเขา ถูกรถพยาบาลมารับตัวไปรักษา สาเหตุมาจาก...ทั้งคู่ติดเชื้อโควิด.”
พิธีเริ่มตอนสาย ที่ศาลาวัด มีเพียงการตั้งกรอบรูป และดอกไม้ มีพิธีเลี้ยงเพลพระสงฆ์ สวดอภิธรรม กรวดน้ำแผ่เมตตา ขณะที่เรา (หมายถึง ผู้ให้สัมภาษณ์ หลานสาวของผู้เสียชีวิตทั้งสอง – ผู้เขียน) รอให้รถพาร่างของตามาถึงวัดแล้วขึ้นเมรุ เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเผา ทุกคนถูกห้ามไม่ให้เข้าไปใกล้กับเมรุอย่างเด็ดขาด ซึ่งวันเดียวกันนั้นยายของเราก็อาการไม่ดีเอาเสียเลย จึงให้รถพยาบาลนำตัวส่งไปรักษาต่อ
.
ทั้งหมดเริ่มที่ตาของเราอายุ 79 ปี ได้รับเชื้อโควิด คาดว่าติดมาจากหลังไปรักษาโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ พักอยู่นานหลายวันหมอบอกให้กลับบ้านได้ เขากลับมาบ้านที่ต่างจังหวัด ด้วยอาการไอ เหนื่อยหอบ ท่าทางไม่สู้ดีเท่าไหร่ พบว่าเขาติดเชื้อโควิด และถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด
.
โชคไม่เข้าข้างนักภรรยาของเขาที่อาศัยด้วยกัน อายุ 82 ปี ก็มีอาการคล้ายติดเชื้อโควิดเช่นเดียวกัน สมาชิกทุกคนในบ้านจำเป็นต้องกักตัวด้วย 2 วันหลังจากนั้น คุณตาได้เสียชีวิตในคืนวันที่ 19 กรกฎาคม ในวันเดียวกันนั้นก็มีรถของโรงพยาบาลเข้ามารับคุณยายที่บ้าน ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะคุณยายอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้ คือ คำบอกเล่าของหลานสาว ของตา กับ ยาย ที่ติดเชื้อโควิด และเสียชีวิตในวันไล่เลี่ยกัน.
.
ตาของเราเสียชีวิตด้วยโควิดช่วงก่อนอาทิตย์ตกเพียงไม่กี่ชั่วโมงของวันที่ 7 หลังจากรู้ว่าพบเชื้อได้เพียง 2 วันเท่านั้น ข่าวคราวถูกแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะด้วยชื่อเสียงของคุณตาที่มีคนรู้จักเขามากมาย แต่ไม่สามรถเดินทางมาร่วมงานได้
.
ภายในคืนเดียวกันเจ้าอาวาสวัดที่รู้จักกันก็ร่วมกันสวดมนต์ให้ ก่อนที่จะจัดพิธีแบบชาวพุทธอีกครั้งในตอนสาย เรากับแม่เตรียมเอกสารวุ่นวายทั้งเช้า เพราะญาติสนิทคนอื่น ได้รับผลกระทบต้องเข้ากักตัว 14 วัน เพราะอาศัยอยู่กับตายาย จำนวนญาติสนิทที่มาร่วมงานก็ลดน้อยลง.
.
“ช่วงเวลาที่ยายใช้ในโรงพยาบาล เราและครอบครัวไม่สามารถเข้ามาเยี่ยมคุณยายได้เลย
หนทางเดียวที่สามารถติดต่อกันให้พอหายคิดถึงได้ คือ โทรศัพท์ ...
เราโทรหาคุณยายทุกวัน เช้า เย็น เพราะเป็นห่วงกลัวยายจะเสียกำลังใจ
อย่างน้อยได้ยินเสียงของหลานก็คงจะคลายกังวลให้ยายได้บ้าง
.
‘เราคิดว่าอีกไม่นานยายก็คงได้กลับมาบ้าน’
.
เพราะได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสไปแล้ว
อย่างน้อยตอนนี้ก็ทนคิดถึงกันไปก่อน
.
ไม่รู้เลยว่าในห้วงความคิดนั้นคือครั้งสุดท้ายที่เราได้พูดคุยกัน.”
.
.
หมอห้ามปรามผ่านญาติมาว่า
.
“ยายเริ่มมีอาการหายใจลำบาก ให้ลดการพูดคุย เราคงโทรหายายไม่ได้อีกแล้วนะ”
ทำได้เพียงเฝ้าฝากถาม ผ่านหมอกับพยาบาล ว่าตอนนี้อาการยายเป็นอย่างไรบ้าง
.
เป็นช่วงเวลาที่ความคิดถึงทำงานหนักหน่วง
ไม่มีใครทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่รออย่างมีความหวังว่าให้ยายหายจากอาการป่วย ยายอาการไม่ดีขึ้นเลย
อีกทั้งยังขาดการติดต่อไปหลายวันแล้ว
.
จนกระทั่งหมอติดต่อมาอีกครั้ง เขาถามความคิดเห็นญาติว่าอนุญาตให้สอดท่อช่วยหายใจไหม พวกเราปฏิเสธไป เพราะเป็นคำขอจากปากของยายเอง ที่เราเคยตกลงไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาไม่ต้องการ
‘นาทีนั้น เราก็รับรู้พร้อมทั้งเตรียมใจไว้แล้วว่าอาการไม่ดีขึ้นเลย.’
.
ยายเสียชีวิตตอนที่ยงคืน หลังจากรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ 10 วัน.
.
ที่ผ่านมา
เป็นช่วงเวลาที่เราค่อยๆ ออกจากยายไปไกลเรื่อย ๆ จนกระทั่งทราบข่าวคราว
นี่คงเป็นระยะที่ไกลที่สุด ระหว่างเรากับยาย และ ไม่มีทางพบกันได้อีกแล้ว.
.
ความห่างเหินนี้รวมไปถึงตอนจัดพิธีกรรม มันเรียบง่ายกว่าปกติ
การใช้ระยะทางเป็นคอนเซ็ปต์ ยิ่งทำให้เรารู้สึกหัวใจห่างกันไกลไปมากกว่าเดิม.
.
ถ้าในสถานการณ์แบบปกติแล้ว การจัดงานศพเป็นงานใหญ่ที่เกิดขึ้นในชีวิตคนๆ หนึ่ง
และบรรดาคนที่รู้จักมาทั้งชีวิตจะมาร่วมกันส่งอำลาครั้งสุดท้าย
.
พิธีการแสนเคร่งครัดและซับซ้อน เริ่มจากการทำพิธีสวดมนต์ ตั้งแต่มีผู้เสียชีวิตที่เตียงในโรงพยาบาล จนกระทั่งขึ้นรถ อัญเชิญดวงวิญญาณพามาถึงวัดเพื่อทำพิธีแต่งหน้าศพ เชิญญาติสนิทมารดน้ำศพ การที่จับมือ หรือมองหน้ากัน ทุกการกระทำถูกสืบทอดกันมาอย่างมีนัยยะสำคัญ ในขั้นตอนแสนซับซ้อนนี้
.
แต่คราวนี้พิธีกรรมอำลาแตกต่างออกไปมาก ซึ่งคล้ายคลึงกับพิธีของตา ทำให้ลำดับขั้นตอนมากมายที่เราคุ้นชินแบบปกตินั้นเกือบจะหายไปโดยสิ้นเชิง ทั้งรวดเร็ว และส่งผลให้ความรู้สึกระหว่างเรากับคนที่รัก ห่างกันออกไปไกล
.
ในขณะที่ ยายผู้ติดเชื้อโควิดหมดลมหายใจลง แล้วเจ้าหน้าที่จะใช้ถุงซิปล็อกห่อตัว 3 ชั้น แล้วทำการฆ่าเชื้อ ก่อนที่จะพาไปส่งที่ห้องดับจิต เพื่อรอรถเจ้าหน้าที่ประจำอำเภอ พาร่างผู้เสียชีวิตโควิด ข้อกำหนดคือ ให้ทำพิธีเผาหลังจากเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง โดยที่เจ้าหน้าที่ได้นัดแนะกับเจ้าอาวาสวัดไว้แล้ว ว่าผู้เสียชีวิตจะมาถึงวัดเวลาบ่ายโมง เพื่อจัดแจงเวลาที่จะเริ่มสวดมนต์ให้ใกล้เคียงกับเวลาของรถที่พายายมาที่เมรุขึ้นฌาปนกิจ.
.
เรากับแม่ช่วยกันจัดแจงเอกสารตอนเช้า.
หลังจากเสียงระฆังบอกเวลาเพลดังขึ้น เรากับแม่พากันมา งานถูกจัดขึ้นในศาลาเปิดโล่ง ลมพัดปลิวไสวตลอดเวลา มีหลังคาคลุมบริเวณกว้าง ใกล้กับเมรุ เจ้าอาวาสช่วยจัดลำดับพิธีการแบบเรียบง่ายให้อย่างชำนาญการ จำกัดจำนวนผู้มาร่วมพิธี นัดอสม.ประจำหมู่บ้านมาช่วยคัดกรองวัดไข้
.
ญาติคนสนิทจูงมือกันมา ‘จุดธูปไหว้รูป’ ถูกประดับประดาด้วยดอกไม้
ที่ทางวัดเตรียมมาให้ ตำแหน่งที่นั่งถูกจัดแจงแยกห่างจากกันอย่างเป็นระเบียบ
เสียงสวดบทอภิธรรม และ แผ่ส่วนกุศล จบลงอย่างรวดเร็ว ไม่คุ้นหูอย่างที่เคย
.
ช่างแตกต่างจากพิธีการอย่างที่เราคุ้นเคย ฟังสวดมนต์แผ่เมตตา ถวายภัตตาหารพระ เช้า เพล และ
สวดอภิธรรมช่วงกลางคืน
.
หลังจากฟังพระสวดแล้ว เหล่าคนรู้จักที่ไม่ได้พานพบกันมาเนิ่นนานต่างพูดคุยกัน ตั้งวงสนทนาเรื่องจิปาถะ ถามไถ่เรื่องชีวิตทั่วไป ประหนึ่งงานรวมญาติในธีมสีดำ
.
แม้บรรยากาศเจือปนความเศร้าเล็กๆ ทว่าลืมความโศกไปเสียขณะหนึ่ง พลางทานข้าวต้มมื้อดึก ก็ดีไม่น้อย แล้วมาพบกันใหม่ ในงานฌาปนกิจ
.
วันสุดท้ายของการอำลาดำเนินมาถึง งานฌาปนกิจ พิธีเลี้ยงพระ เช้า เพล ยังคงเฉกเช่นเดิม ทว่าจะมีพิธีกล่าวถึงประวัติผู้เสียชีวิต กล่าวคำอำลา เชิญเจ้าภาพขึ้นมาทอดผ้าไตรบังสกุล
.
เริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญด้วย การโยกย้ายผู้วายชนม์ ออกจากโลงเย็นไปสู่โลงไม้ บรรดาชายช่วยกันยกขึ้นราชรถ ผู้ร่วมงานย่างก้าวเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ พระสงฆ์โยงสายสิญจน์ เดินล้ำหน้านำขบวนไป ญาติอุ้มกระถางธูป และ กรอปรูปถัดมา จูงราชรถ วนรอบเมรุ 3 รอบ รั้งท้ายแถวด้วยแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย.
.
ก่อนพบหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย โลงถูกวางที่เมรุ ผู้ร่วมงานเดินเวียนกันมาวางดอกไม้จันทร์เพื่อแสดงความอาวรณ์
.
หากเคยคุ้นหูว่า การเปิดหน้าโลง ช่วยให้คนที่มีชีวิตอยู่ ได้รับรู้ว่าชีวิตนั้นมีวันที่สิ้นสุด แต่ไม่ได้หมายถึงทุกคน บ้างก็รู้สึกแทบขาดใจ หากคนที่นอนแน่นิ่งนั้น คือผู้เป็นที่รัก ทว่าขั้นตอนนี้ เป็นการส่งอำลาครั้งสุดท้าย ก็คงเป็นระยะที่ใกล้ที่สุดของกันและกัน
.
ช่างแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับสถานการณ์ที่เราพบเจอ พิธีการของยายเรานั้นถูกย่นย่อให้เหลือเพียงการสวดอภิธรรม กรวดน้ำส่งให้ยายไปสุขคติที่หน้าแท่นกรอบรูป เพื่อรอเวลารถพาร่างของยายมาที่วัด
.
คงเรียกได้ว่านี่เป็น การประจวบเหมาะของยุคสมัย เพราะ ทุกคนยังคงเหลือ
“พื้นที่ความสัมพันธ์เสมือนจริง ” บนหน้าจอสีดำขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ
ส่งความรู้สึกหากันทางไกล “โดยไม่ต้องพึ่งพาพื้นที่ทางกายภาพ ”
ที่ขนาดเท่าศาลาวัด เพื่อบรรจุ ญาติมิตร ประมาณหลายร้อยคน
.
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่
“ตลอดเวลาทั้งวันนี้ เราง่วนอยู่กับการไลฟ์สดพิธีนี้เพื่อให้ญาติที่กักตัว หรือ คนที่เพิ่งทราบข่าว
แต่ไม่สามารถมางานได้ ร่วมกันไว้อาลัยผ่านเฟสบุ๊ค”.
.
พิธีสวดดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรถพยาบาลพาร่างของยายมาถึงที่วัดแล้ว เจ้าหน้าที่สวมชุด PPE 4 - 5 คน หามโลงไม้ ขึ้นเมรุ แล้วจุดธูปบอกกล่าว พร้อมด้วยพระสงฆ์ที่สวมใส่ชุด PPE ได้สวดมนต์เพียงบทสั้นๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการเผา.
.
“ไม่มีแม้แต่การเปิดโลงเพื่อให้ได้พบหน้า หรือ ทำสิ่งใดร่วมกันแบบใกล้ชิดเป็นครั้งสุดท้ายเลย
การมองดูรูปภาพของคนที่รักอยู่ในกรอบรูป แล้วส่งใจอาวรณ์ให้ด้วยรัศมี 10 เมตร จากเมรุ”
เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราสามารถร่วมกันทำได้ ทุกคนยืนมองกลุ่มควันสีดำล่องลอยออกมา จากปล่องสูง ดำเนินไปถึงช่วงอาทิตย์ใกล้ตกดิน
.
ขณะเรานั่งรอกับลุง ในศาลาวัดที่สงบ เราทำลายความเงียบด้วยบทสนทนาว่า...
“ยังคงมีความค้างคาใจอยู่ไหม อยากจัดงานอีกครั้ง ให้คนมาไว้อาลัยแบบถ้วนหน้า
เหมือนดาราตลกชื่อดัง ที่ญาติเขาพูดออกทีวีรึเปล่า ?”
.
“บ้านเขาเป็นคนใหญ่คนโต จัดงานในช่วงปกติ 7 วัน ศาลาวัดยังรับแขกไม่พอเลย คงมีคนในครอบครัวไม่ยอมให้งานจบเพียงสั้นๆ เท่านี้เป็นแน่ บรรดาคนรู้จักทั้งชีวิต คงอยากมาร่วมแสดงความเสียใจ”
.
“แต่ที่มันเป็นไปแบบนี้ ก็โอเคแล้วนะ...
จัดงานศพแบบนี้ ไม่เศร้าเท่าไหร่...มันรวดเร็วเสียจน ไม่เหลือเวลา
ให้นั่งฟังพระสวดนาน ๆ...แล้วนึกย้อนถึงเรื่องเศร้าเสียใจ”
งานศพคงเป็นเรื่องของความสบายใจ...ของคนที่มีชีวิตอยู่
.
เขาเรียกให้เราไปเก็บอัฐิได้แล้ว
“นี่คงเป็นห้วงเวลาเดียว ที่เราสามารถเข้ามาชิดใกล้ได้ขนาดนี้
ตั้งแต่ตากับยายติดเชื้อโควิด
เราทำตามมาตรการ Distancing มาโดยตลอด
เราถูกทำให้ห่างไกลกัน จนเหลือเพียงไม่กี่หนทาง ที่จะทำร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย
กายและใจของเราออกห่างกันไปไกลเหลือเกิน ...กว่าจะกลับมาสัมผัสกันได้อีกครั้ง
ก็...ถูกแปรเป็นเถ้าถ่านไปเสียแล้ว.”
ท้ายที่สุดนั้น กระบวนการของพิธีการแสนละเอียดอ่อน ที่เราคุ้นชิน เพื่อสร้างความรู้สึกบางอย่างในการส่งอำลาครั้งสุดท้าย ทว่าทุกขั้นตอนอันซับซ้อนในพิธีนั้น ให้ความหมายแฝงอย่างมีนัยยะสำคัญ ต่อผู้ร่วมงานเสมอ
.
อย่างไรก็ตาม การมีส่วนร่วมของบรรดาแขกเหรื่อแบบมีลำดับชั้น ล้วนแสดงตำแหน่งทางสังคม บ่งชี้ลำดับความใกล้ชิด อายุ หรือ ความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างผู้เสียชีวิตเอง หรือ เครือญาติที่พึ่งพาอาศัยกันไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
สังเกตได้ผ่าน การเป็นเจ้าภาพประจำคืน หรือ การที่ได้มีชื่อครอบครัว หรือ องค์กร บนพวงหรีดที่ถูกวาง ณ ตำแหน่งที่เด่นสุดของงาน ไปจนกระทั่ง เก้าอี้เรียงเป็นระเบียบ ซึ่งเข้าใจตรงกันว่า บริเวณด้านหน้าเป็นของผู้อาวุโส.
.
แม้ว่าในปัจจุบัน เกิดมีกระแสแนวคิดใหม่ เกี่ยวกับพิธีการส่งอำลา ที่แตกต่างจากอดีต เมื่อคนรุ่นใหม่ให้คุณค่าทางความเชื่อลดลง กอปรกับไม่อยากสร้างมลภาวะให้โลกใบนี้มากนัก แต่มิใช่ว่าผู้ที่มอบความสำคัญให้แด่คนที่รัก จะรู้สึกลดคุณค่าของความสัมพันธ์ระหว่างกัน เพราะรายละเอียดของพิธีลดน้อยลงกว่าเดิม.
.
ทว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลย ที่รู้สึกอยากส่งอำลาครั้งสุดท้ายแด่คนที่รัก อย่างครบตามพิธีแต่ละความเชื่อ ศาสนา ตลอดมาเรามอบนัยยะของขั้นตอนลงในแต่ละรายละเอียดของพิธีการ เฝ้าสังเกตได้ผ่านพิธีเริ่มต้นการรดน้ำศพ กับ ไหว้หน้าศพ สื่อถึงการขอขมา ทั้งวางถาดอาหาร เคาะโลงขานชื่อ เพื่อเรียกมาทานอาหาร หรือ นำบุญมาฝาก เช่นเดียวกันกับ กรวดน้ำแผ่เมตตา ท้ายที่สุด การเวียนรอบเมรุ เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาท จนกระทั่ง แขกทุกคนวางดอกไม้จันทร์ และ ได้พบหน้ากันก่อนจะไม่หวนคืน.
.
การส่งไปสู่สุขคติผ่านพิธีตามความเชื่อของชาวพุทธแสนซับซ้อน ล้วนกลายเป็นปฏิสัมพันธ์
ระหว่างญาติ และ ผู้จากไป เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกอาวรณ์อย่างสมบูรณ์แบบ.
.
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีความเชื่อรูปแบบใดก็ตาม ไม่ว่าจะรายละเอียดมาก หรือ แบบกระชั้นฉับไว
ทุกคนล้วนยึดถือความเชื่อที่ล้วนเข้าใจร่วมกัน คือ ความรัก และ การร่ำลา.
.
ช่างแตกต่างจากสถานการณ์โควิดในปัจจุบันที่เราเผชิญ ความหมายของการร่ำลาที่ถูกลดทอนพื้นที่ทางกายภาพแบบดั้งเดิม แปรเปลี่ยนไปหลายรูปแบบ อย่างเช่นโซเชีบลมีเดีย ที่กลายเป็นพื้นที่แสดงความรำลึกได้ทางไกล
.
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การจากไปตลอดกาลของผู้เป็นที่รักเกิดขึ้นในชีวิตเราทุกคนเสมอ ไม่ว่าวิธีการอำลารูปแบบใดก็ตามแต่ พวกเราทำได้เพียงมาส่งเท่านั้น แต่การยอมรับความจริง ความเสียใจ แล้วก้าวผ่านพ้นไปให้ได้ก็เป็นเรื่องสำคัญของเราทุกคนเช่นกัน.
Comments